ทุกคนน่ารู้กันอยู่แล้วถ้าไม่มีหัวชาร์จก็จะไม่สามารถชาร์จมือถือของเราได้ เติมพลังให้ชีวิต... ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ชาร์จเร็ว แรง ปลอดภัย ให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อ ที่พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดของคุณในทุกสถานการณ์ ด้วยเทคโนโลยี สำหรับหัวชาร์จรุ่นใหม่ล่าสุด GaN Gen 3 เย็นกว่า และทนทานกว่าหัวชาร์จประเภท Silicon และยังรองรับPower Delivery- QC3.0 , AFC , PPS , Super Fast Charge (PD & PPS) มีระบบตรวจสอบอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ (36000 ครั้งต่อชั่วโมง) ควบคุมการจ่ายไฟอย่างชาญฉลาด ปรับระดับการจ่ายไฟอัตโนมัติ ปลอดภัย มั่นใจได้มากกว่า ด้วยระบบความปลอดภัยถึง 8-9 ชั้น ทนต่อการใช้งานบนความสูง 5,000 เมตร และประเทศเขตร้อน

มือถือ Samsung Galaxy กลายเป็นเพื่อนคู่ใจของใครหลายคนในยุคนี้ แต่เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมบางทีชาร์จแบตเตอรี่เต็มเร็วจัง แต่บางครั้งกลับช้าเหมือนเต่าคลาน? หรือกังวลว่าหัวชาร์จที่ซื้อมาใหม่จะปลอดภัยกับมือถือราคาแพงของเราหรือเปล่า? ยิ่งเดี๋ยวนี้ Samsung ไม่ค่อยแถมหัวชาร์จมาในกล่องแล้ว การเลือกซื้อเองให้ถูกต้องจึงสำคัญอย่างยิ่ง

เลือกหัวชาร์จ Samsung อย่างไร

1. รู้จัก "กำลังชาร์จสูงสุด" ของมือถือ/แท็บเล็ต Samsung ของคุณ

สำคัญอันดับแรก! ก่อนจะซื้อหัวชาร์จใหม่ คุณต้องรู้ก่อนว่า อุปกรณ์ Samsung ของคุณ (รุ่นไหน?) รองรับการชาร์จเร็วสูงสุดกี่วัตต์ (W)?

วิธีเช็ค:

• ดูจาก สเปกทางการบนเว็บไซต์ Samsung Thailand ของรุ่นที่คุณใช้ (แม่นยำที่สุด)
• ค้นหาใน Google ด้วยชื่อรุ่น + "charging speed" หรือ "กำลังชาร์จสูงสุด"
• ดูจากหัวชาร์จเดิมที่เคยแถมมา (ถ้ามี และเป็นรุ่นที่แถมหัวชาร์จเร็ว)
• ตัวอย่าง (อาจเปลี่ยนแปลงตามรุ่นปี):
• Galaxy S (รุ่น Ultra ตัวท็อป): มักรองรับ Super Fast Charging 2.0 (45W)
• Galaxy S (รุ่นรอง/Plus) / Z Fold/Flip / A รุ่นสูงๆ: มักรองรับ Super Fast Charging (25W)
• Galaxy A รุ่นกลางๆ/รุ่นเริ่มต้น หรือรุ่นเก่าๆ: อาจรองรับ Adaptive Fast Charging (15W) หรือชาร์จธรรมดา

ทำไมต้องรู้? เพื่อให้เราเลือกหัวชาร์จที่มีกำลังไฟ (วัตต์) ไม่ต่ำกว่าที่เครื่องรองรับ จะได้ชาร์จได้เต็มความเร็วสูงสุดนั่นเองครับ

2.เข้าใจเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Samsung (ไม่ใช่แค่ Fast Charge ธรรมดา!)

• Samsung มีเทคโนโลยีชาร์จเร็วของตัวเอง ที่ทำงานร่วมกับมาตรฐานสากล USB Power Delivery:
• Super Fast Charging (SFC) 25W: เป็นมาตรฐานหลักสำหรับมือถือและแท็บเล็ต Samsung รุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่ ใช้เทคโนโลยี USB PD (Power Delivery) 3.0 ที่มี PPS ซึ่งช่วยควบคุมการจ่ายไฟให้เหมาะสมและปลอดภัยยิ่งขึ้น
• Super Fast Charging 2.0 (SFC) 45W: เป็นเวอร์ชันที่เร็วขึ้นสำหรับ รุ่นเรือธงตัวท็อป เช่น Galaxy S Ultra หรือ Tab S Ultra ยังคงใช้ USB PD 3.0 และ PPS แต่ต้องการกระแสไฟ (A) ที่สูงขึ้น
• Adaptive Fast Charging (AFC) 15W: เป็นมาตรฐานเก่าสำหรับรุ่นก่อนหน้า (คล้ายๆ Quick Charge 2.0)

ข้อควรรู้ การจะชาร์จเร็วแบบ Super Fast Charging (25W/45W) ได้ หัวชาร์จ ต้องรองรับมาตรฐาน "USB PD 3.0 และ PPS" ด้วย

3. เลือก "วัตต์" (W) ให้เหมาะสม (สำคัญมาก!)

• กฎง่ายๆ: เลือกหัวชาร์จที่มีกำลังวัตต์ (W) "เท่ากับ" หรือ "สูงกว่า" กำลังวัตต์สูงสุดที่อุปกรณ์ Samsung ของคุณรองรับ

ตัวอย่าง:

• มือถือรองรับสูงสุด 25W -> ควรใช้หัวชาร์จ 25W หรือ 45W (ถ้าใช้ 45W เครื่องก็จะดึงไฟแค่ 25W ชาร์จเร็วเท่าเดิม แต่ปลอดภัย)
• มือถือรองรับสูงสุด 45W -> ควรใช้หัวชาร์จ 45W เพื่อความเร็วสูงสุด (ถ้าใช้หัว 25W ก็ชาร์จได้ แต่จะช้าลง ชาร์จได้แค่เร็วระดับ 25W)
• ไม่จำเป็นต้องซื้อวัตต์สูงสุดเสมอไป: ถ้ามือถือคุณรับได้แค่ 25W การซื้อหัวชาร์จ 25W ก็เพียงพอและประหยัดกว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อ 45W เสมอไป

4.หัวต่อต้องเป็น "USB-C" (สำหรับชาร์จเร็ว SFC)

• สังเกตง่ายๆ: หัวชาร์จเร็ว Samsung (25W/45W) ช่องเสียบที่ตัวหัวชาร์จจะเป็นแบบ USB-C เสมอ (ไม่ใช่ช่อง USB-A สี่เหลี่ยมแบบเก่า) และต้องใช้คู่กับสาย USB-C to USB-C

5. มองหา "มอก." เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

• ย้ำอีกครั้ง! หัวชาร์จเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องเสียบไฟบ้าน ควรเลือกซื้อเฉพาะรุ่นที่มีเครื่องหมาย มอก. รับรองเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคุณ